ชื่อสามัญ (อังกฤษ): Arang Tree (ใช้ตามชื่อท้องถิ่น)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Dipterocarpus obtusifolius
ชื่ออื่นในไทย: กะลงเขา, กระพี้เขา, สยา (ภาคเหนือ), จะเร (กะเหรี่ยง), ตะเคียนราง
วงศ์: Dipterocarpaceae
ลักษณะทั่วไป
ไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ประมาณ 1530 เมตร
เรือนยอดแผ่กว้าง ไม่เป็นระเบียบ
เปลือกต้นสีเทาหรือเทาอมดำ แตกลึกตามยาว
ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่กว้างถึงเกือบกลม ปลายใบมน ขอบใบเรียบ ผิวใบสาก
ดอกออกเป็นช่อ สีชมพูม่วงอ่อน มี 5 กลีบ
ผลเป็นผลมีปีก 2 ปีกยาว ช่วยให้ปลิวไปตามลม
จุดเด่น
เป็นไม้ท้องถิ่นของป่าเบญจพรรณแล้งในประเทศไทย ลาว เขมร
เนื้อไม้แข็งปานกลาง ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ทำเสา กระดาน เครื่องเรือน
เรซิน (ยางไม้) ใช้ผสมน้ำมันยาง ทำวัสดุกันซึม ทาเรือ ฯลฯ
มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในบางชุมชนท้องถิ่น
โตช้า แต่มีอายุยืน
ใช้ในโครงการฟื้นฟูป่าเต็งรังหรือป่าเบญจพรรณ
ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ด้านไม้ และสร้างระบบนิเวศธรรมชาติ
เรซินจากเปลือกใช้ทำวัสดุก่อสร้างหรือเชื้อเพลิงพื้นบ้าน
นิยมปลูกในพื้นที่อนุรักษ์ และแหล่งเรียนรู้ทางพฤกษศาสตร์